“หนูโด… นั่นแหละ…”
“คุณพยอนต่าง… หาก…”
ทั้งคู่หยุดสายตาไว้ที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรแต่ตอนนี้คุณพยอนกลับรู้สึกว่าเหมือนกับว่าต้องการดื่มน้ำอัดลมหวานๆสักหลายๆอึก เช่นเดียวกับคุณหนูน้อยที่มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในจิตใจ
ความคิดที่เป็นดังบานประตูที่ขึ้นชื่อว่า ‘ความอยากรู้อยากเห็น’
นิ้วเล็กผลุบหายเข้าไปในปากของอีกคนก่อนจะกดแช่ไว้ในนั้นจรสัมผัสได้ถึงความอุ่นซึ่งคุณพยอนเองก็ไม่ได้มีท่าทีตกใจหรือวาดกลัวใด
กลับยอมห่อปากให้อีกฝ่ายขยับนิ้วเข้าออกที่ปากตนตามใจชอบ
คยองซูแตะนิ้วที่กลางลิ้นอีกคนสร้างเสียงครางแผ่วเบาจากลำคอ ดวงตากลมจ้องมองตามริมฝีปากของลูกแมวน้อย เขาสนุก
เขาพอใจ และเขารู้สึกดี… ขยับนิ้วเข้าออกอย่างเนิบนาบตามความรู้สึก
คุณพยอนปรือตาอย่างเลื่อนลอยปล่อยให้อีกฝ่ายละเลงนิ้วเพลิดเพลินตามใจชอบ
“อือ…”
จวบจนพอใจคุณหนูตัวเล็กก็ดันนิ้วออกจากริมฝีปากบางส่งผลให้ร่างของคุณพยอนหอบหนัก เหนื่อยแต่มันรู้สึกดี สองความคิดวิ่งตีสวนกันไปมา
และแน่นอนว่าความคิดที่สองมักจะชนะเสมอ…
สะโพกเล็กถดตัวลงไปนั่งทับกลางลำตัวของอีกคน คว้าฝ่ามือขาวขึ้นมาแนบแก้มก่อนจะเอนหัวซบ
ส่งสายตาหวานทอดมองอีกคนคล้ายลูกแมวน้อยที่อ้อนต้องการให้เจ้าของมาเล่นกับตัว
“งื้อ… เมี้ยว~” ครางอ้อนแล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปาก คยองซูไล่มองลิ้นเล็กๆที่กำลังแลบเลียนิ้วเขาทีละนิ้วทีละนิ้วอย่างเชื่องช้า แล้วลมหายใจก็ตะสุดเมื่อสะโพกที่กำลังนั่งทับไอ้นั่นของเขาอยู่เริ่มเคลื่อนไหว
“อึก… คุณพยอน”
“คุณพยอนรักหนูโด หนูโดใจดี
เหมียว~”
คยองซูกัดกรามแน่นสายตาของเขาเลื่อนต่ำตามมือเรียวของแมวน้อยที่ชักนำฝ่ามือของเขาไป ลูบคอ
แอ่งไหปลาร้าสวยและจุดสุดท้าย
ที่ติ่งไตเม็ดงาม
มันชูชันรับสัมผัสนิ้วของเขาอย่างเต็มที่ เหมือนดอกไม้ที่รอให้หมู่มวลผึ้งมาดอมดม
ปลายนิ้วชี้ของเขาถูกคุณพยอนจับให้กดนวดลงไปบนติ่งไตนั้น
คลึงวนไปมาจนรู้สึกว่าเส้นเลือดในกายแล่นพล่านขนาดไหน
“อือ… หนูโด… เหมียว~ อือ~”
บวกกับเสียงครางหวานกับการเคลื่อนไหวเสียดสีของสะโพกงอนด้วยแล้วบอกได้เลยว่าตอนนี้ความอดทนของคยองซูลดต่ำจนเกือบถึงขีดสุด
“คุณพยอน… อื้อ…” แน่นอนว่าคุณพยอนรู้ดี บอกแล้วไงว่าคุณพยอนน่ะโตแล้ว
เห็นสีหน้าอัดอั้นแบบนั้นของคุณหนูข้างบ้านทำไมคุณพยอนคนเก่งจะไม่รู้ แต่มันก็ต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนนะ คุณพยอนไม่ยอมเจ็บคนเดียวหรอก
“หนูโด… เล่น มาเล่นกันเถอะ
มาเล่นกับคุณพยอนนะ…” คุณพยอนถอยตัวลงไปนั่งที่ปลายเท้าและยื่นมือให้คยองซูจับลุกขึ้นนั่ง แม้จะงงๆแต่ด้วยอารมณ์ที่มีมากกว่าเกตุผลและสติสัมปชัญญะทำให้คุณหนูตาโตยื่นมือให้อีกฝ่ายจับพยุงโดยไม่ต้องคิด
“มาเล่นกันนะ… เมี้ยว~” คุณพยอนยิ้มตาหวานและโน้มไปจุมพิตอีกฝ่ายช้าๆ
เหมือนเหตุการณ์เดจาวูแต่ไม่มีฝ่ายใดทักท้วง ต่างมอบความหวานให้กันอย่างไม่รู้เบื่อ
เมื่อปากได้ทำหน้าที่ของมันแล้ว
ฝ่ามือทั้งสองคู่ก็ไม่ยอมแพ้ที่จะเร่งปลดเปลื้องเสื้อผ้าให้หลุดออกจากตัวอีกฝ่าย ไม่นานทั้งคู่ก็อยู่ในสภาพที่ไม่ต่างกัน ผิวขาวราวกับหิมะของทั้งสองทำให้ดูเหมือนเป็นเทวดาองค์น้อยๆ
ขาดก็แต่วิธีที่ทำให้เทวดาทั้งสองกลับคืนสู่สวรรค์เท่านั้นล่ะ…
ผละตัวออกมานั่งมองหน้ากันชั่วครู่ก่อนที่คุณพยอนจะเป็นฝ่ายโน้มตัวลงไปใช้ลิ้นเลียติ่งไตของคนตรงหน้า เขี้ยวเล็กขบเม้มจนคยองซูครางฮืออย่างพอใจ แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้
ริมฝีปากอิ่มกดจูบลงบนท้ายทอยขาวสร้างรอยสีแดงช้ำไปทั่ว
“อ๊ะ… / อ๊ะ…” สะดุ้งจนตัวโยนทั้งคู่เมื่อฝ่ามือเลื่อนไปจับสิ่งหวงห้าม ก่อนจะปรือมองกันโดยมิได้นัดหมาย
“อ๊ะ…”
เมื่อฝ่ายใดขยับอีกฝ่ายก็ไม่ยอมที่จะทำตาม
“อ๊ะ…”
ทั้งลูบ ทั้งคลำ
ทั้งชัก ทั้งเค้น
“อ๊ะ…”
และยกยิ้มอย่างไร้สาเหตุ
“อ๊ะ…”
จะว่ายังไงดีล่ะ
…ตอนนี้เทวดาทั้งสองคงคลำหากลับสู่สวนสวรรค์เจอแล้วล่ะมั้ง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าฝากปลาย่างไว้กับแมว
เอ๊ะ!
หรืออย่าฝากแมวไว้กับปลาย่างกันแน่นะ
เอาเป็นว่าควรเฝ้าไว้ให้ดีละกัน J